โรคใบด่างของยาสูบ
ลักษณะอาการของโรค ใบจะด่างสีเขียวปนเหลืองสลับกับพื้นสีเขียวเข้มของใบ หากส่องดูใบกับแสงสว่างจะเห็นอาการด่างได้ชัดเจน อาการในระยะแรกของโรคจะเริ่มที่เส้นใบของใบอ่อนซึ่งจะซีดแตกต่างไปจากสีเขียวตามปกติ ใบจะเป็นจุดหรือวงแหวนเป็นแผ่น ๆ ซึ่งต่อมาจะเห็นเป็นดวงได้ชัด ต้นยาสูบจะแคระแกรน ใบยาเล็กลง
เชื้อสาเหตุ เกิดจากไวรัส Tobacco Mosaic Virus (TMV)
การแพร่ระบาด เชื้อ TMV สามารถคงทนอยู่ในเศษซากพืชที่เป็นโรคได้เป็นเวลานานหลายสิบปี โดยตกค้างอยู่ในดิน เมื่อถึงฤดูปลูกพืชเชื้อจากดินสามารถเข้าทำลายพืชโดยการสัมผัส จากการทดสอบพบว่ามีพืชอาศัย 26 ชนิด ใน 7 วงศ์ ที่แสดงอาการของโรค การแพร่ระบาดของโรคเกิดขึ้นง่ายและรวดเร็วโดยการจับต้อง สัมผัส และติดไปกับเครื่องมือทางการเกษตร
โรคในไร่ปลูก
สาเหตุที่ทำให้ยาสูบเกิดโรคมีอยู่หลายประการ ทั้งที่เกิดจากเชื้อโรคที่มีชีวิต เช่น รา บัคเตรี ไวรัส และไส้เดือนฝอย หรืออาจเกิดจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น สภาพแวดล้อมที่ผิดปกติ และการขาดธาตุอาหารต่างๆ โรคที่สำคัญและพบเห็นเป็นประจำ ได้แก่
โรคในแปลงเพาะกล้า
๑. โรคโคนเน่า (damping-off) เกิดจากเชื้อราพิเทียม หรือไรซอกโทเนีย (Pythium spp. หรือ Rhizoctonia spp.) ที่อาศัยอยู่ในดิน ทำให้ต้นกล้าเน่าล้มลงกับพื้นดิน
๒. โรคแอนแทรกโนส (anthracnose) เกิดจากเชื้อรา คอลลีโทตริกุม หรือกลีโอสปอเรียม (Colletotrichum sp. Or Gloeosporium sp.) เชื้อโรคเหล่านี้อาศัยอยู่ในดินหรืออาจปลิวมาตามลมหรือติดมากับเมล็ดได้ อาการเริ่มแรกคือใบเป็นจุดช้ำ แล้วต้นกล้าจะยุบตัวลงคล้ายกับโรคโคนเน่า
การป้องกันและกำจัด นอกจากใช้ยาเคมีแล้วควรเปิดผ้าคลุมแปลงเพาะให้ต้นกล้าได้รับแสงแดดอยู่เสมอ ในเวลาเช้าและเย็น เพื่อลดความชื้นในดิน ถ้าต้นกล้าขึ้นแน่นเกินไปควรถอนทิ้งบ้าง
๑. โรคตากบ (frogeye) เกิดที่ใบ เป็นแผลแห้งกลมๆ ทั่วไป เนื่องจากเชื้อราเซอร์โคสปอเรียม (Cercosporium nicotianae Ell. & Ev.) พบมากเมื่ออากาศร้อนและความชื้นสูง เช่น ฤดูฝน
๒. โรคใบจุดสีน้ำตาล (brown spot) เกิดจากเชื้อราแอลเทอร์นาเรีย (Alternaria alternata Fries.) พบในช่วงที่อากาศอบอุ่นและความชื้นปานกลางใบจะเป็นจุดสีน้ำตาลเป็นวงซ้อนๆ กัน
๓. โรคราแป้ง (powdery mildew) เกิดบนใบ เป็นกลุ่มผงสีขาวคล้ายโรยด้วยแป้ง เนื่องจากเชื้อราอีริซิฟี (Erysiphe chichoracearum DC.) ระบาดเมื่ออากาศเย็น ความชื้นปานกลาง ได้รับแสงแดดน้อย เช่น ไร่ยาสูบที่อยู่ตามเชิงเขา
๔. โรคไฟลามทุ่งและใบจุดเหลี่ยม (wildfire and angular leaf spot) เกิดจากเชื้อบัคเตรีซูโดโมนัส (Pseudomonas tabaci (Wolf & Foster) Steven) อาศัยอยู่ในดิน จะระบาดเมื่อมีความชื้นสูง เริ่มแรกใบยาสูบจะเป็นรอยช้ำและเป็นแผลกลมๆ หรือรูปเหลี่ยม อาการนี้มักจะเกิดปนกัน
การป้องกันและกำจัด ป้องกันและกำจัดโดยใช้ยาเคมี
๕. โรคใบหด (leaf curl) เกิดจากเชื้อไวรัส โดยมีแมลงหวี่ขาว (white fly-Bemisia tabaci Genn.) เป็นพาหะนำโรค ระบาดมากในช่วงฤดูฝนถึงปลายฤดูฝน ถือได้ว่าเป็นโรคที่มีความสำคัญมากที่สุดของการเพาะปลูกยาสูบในประเทศไทย ใบยาสูบจะม้วนลงหรือเป็นคลื่นแล้วแต่ความรุนแรงของโรค
การป้องกันและกำจัด ควรใช้ยาประเภทดูดซึมจะได้ผลดีที่สุด เช่น ฟูราดาน ๓ จี หรือคูราแทร์ ใส่รองก้นหลุมก่อนปลูกยาสูบต้นละ ๒ กรัม และ ควรพ่นยาฆ่าแมลงประเภทดูดซึมชนิดอื่นอีกทุกสัปดาห์
๖. โรคใบด่าง (mosaic) เกิดจากเชื้อไวรัสติดต่อได้ง่ายโดยการสัมผัส สีของใบไม่สม่ำเสมอ บางครั้งใบเสียรูปทรง
๗. โรคแผลละเอียด (streak) เกิดจากเชื้อไวรัส ระบาดได้โดยการสัมผัส และแมลงพวกตั๊กแตนที่กัดกินใบ จะเห็นแผลสีน้ำตาลเล็กๆ เกิดขึ้นระหว่างเส้นใบ
การป้องกันและกำจัด ควรพ่นยาฆ่าแมลงเป็นประจำ และล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอระหว่างปฏิบัติงานในไร่ด้วยน้ำกับสบู่ หรือน้ำยาไตรโซเดียมฟอสเฟต ๓ เปอร์เซ็นต์
๘. โรคเหี่ยวด้านเดียว (fusarium wilt) เกิดจากเชื้อราฟิวซาเรียมที่อาศัยอยู่ในดิน (Fusarium oxysporum Schlecht) เชื้อโรคเข้าทำอันตรายทางราก ทำให้ใบเหี่ยวเพียงด้านเดียวของลำต้น แต่ในระยะสุดท้ายจะเหี่ยวทั้งต้น
๙. โรคแข้งดำ (black shank) เกิดจากเชื้อราไฟทอพโทรา (Phytopthora parasitica var. nicotiana (Breda de Haan) Tucker) เป็นเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ในดินได้เป็นเวลานาน เข้าทำลายทางราก ทำให้ใบและลำต้นเหี่ยวตาย
๑๐. โรคเหี่ยวเฉา (bacterial wilt) เกิดจากเชื้อบัคเตรีซูโดโมนัสที่อาศัยอยู่ในดิน (Pseudomonas solanacearum Smith) เข้าทำอันตรายทางรากทำให้ใบและลำต้นเน่าและเหี่ยวในที่สุด
การป้องกันและกำจัด ควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียนสลับกับการปลูกยาสูบ และควรปลูกยาสูบพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อโรคโดยเฉพาะ เช่น พันธุ์โคเกอร์ ๔๘ และสเปจต์จี ๒๘ (Speight G-28) ซึ่งมีความต้านทานต่อเชื้อโรคที่อยู่ในดินทั้งสามชนิดข้างต้น หรือ พันธุ์โคเกอร์ ๓๑๙ ซึ่งมีความต้านทานต่อโรคเหี่ยวด้านเดียว พันธุ์เค (K-399) มีความต้านทานต่อโรคแข้งดำ และพันธุ์โคเกอร์ ๓๔๗ มีความต้านทานต่อโรคเหี่ยวเฉาโดยเฉพาะ เป็นต้น แต่ทั้งนี้ในบริเวณนั้นจะต้องปราศจากไส้เดือนฝอยรากปม เนื่องจากจะเข้าทำอันตรายระบบราก ทำให้พืชลดความต้านทานลงหรือหมดความต้านทานเลย
๑๑. โรคไส้เดือนฝอยรากปม (root-knot nematode) เกิดจากพยาธิตัวกลมเมลอยโดกาย (Meloidogyne spp.) อาศัยอยู่ในดิน มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ทำให้รากบวมโตผิดปกติ ต้นพืชจะดูดน้ำและอาหารได้ยาก ทำให้ผลิตผลลดลงและพืชลดความต้านทานโรคลงด้วย
การป้องกันและกำจัด มีวิธีปฏิบัติอยู่ ๒ วิธี คือ การใช้ฉีดพ่นลงไปในดินและที่ใบและต้นของยาสูบ (fumigation) และปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียนสลับกับยาสูบ เช่น ข้าว ข้าวโพด และงา เป็นต้น เพื่อลดปริมาณไส้เดือนฝอยลง สำหรับวิธีแรกนั้นได้ผลดี
ติดต่อ สหกรณ์การเกษตร สกต สุโขทัย ที่นี่มีคำตอบว่าทำอย่างไรจะปลอดโรคโดยไม่ต้องใช้เคมีอันตรายใด ๆ เลย